การกินแบบ Ketogenic
ปัจจุบันการลดน้ำหนักนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ต่างกับเทรนด์แฟชั่น ซึ่งตอนนี้เทรนการลดน้ำหนักที่กำลังได้รับความนิยมคือ คีโตเจนิก ไดเอต (Ketogenic Diet) เป็นการลดแบบยิ่งกินไขมัน น้ำหนักก็ยิ่งลด แต่สงสัยกันใช่มั้ยค่ะว่ากินไขมันแล้ว มันจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร วันนี้เราจะพามาดูกันค่ะว่า การกินแบบนี้คืออะไร ไขมันจะไปช่วยเบิร์นไขมันกันเองได้อย่างไร ช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จริงหรือไม่เพราะอะไร ?
Ketogenic Diet คืออะไร เป็นการกินที่เน้นในส่วนของ " ไขมัน " ที่สูงปกติต่อมาก็ด้วยโปรตีน โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลให้น้อย แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการคีโตซิส คล้ายกับหลักการกินแบบพร่องแป้ง และหลักการกินแบบแอตกิ้นส์ โดยปกติร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการย่อย คาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน แต่หากปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่เพียงพอ ร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ให้กลายเป็นสารคีโตนบอดี้ส์ และใช้ไขมันสร้างพลังงานเพื่อนำไปใช้ที่สมองและส่วนต่าง ๆ และกระบวนการนี้มักเกิดขึ้นหลังจากจำกัดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตไปแล้ว 2-4 วัน กินไขมันแล้วจะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ ? อย่างที่บอกไปค่ะว่า เมื่อเราลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลลงอย่างมาก ร่างกายจากเดิมที่เคยนำกลูโคสในเลือดที่มาจากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล มาใช้เป็นพลังงาน ร่างกายของเรานั้นก็จะหาแหล่งพลังงานอื่นมาแทนที่ นั่นคือมาจากไขมัน โดยหลังจากเริ่มการกินแบบคีโตเจนิกไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ร่างกายและสมองอาจรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก แต่จะค่อยๆ ปรับจนสามารถนำไขมันและคีโตนมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแทนที่คาร์โบไฮเดรตนั่นเองค่ะ
ต้องกินอย่างไร ?
อย่างแรกสำหรับสิ่งสำคัญที่ควรรู้คือการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำมาก ๆ และคงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ชอบกินไขมัน แต่ต้องเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์ โดยพยายามกินไขมันต่างชนิดควบคู่กันไป เช่น ไขมันจากเนื้อสัตว์ เนื้อติดมัน ไขมันจากพืช เนย ชีส น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก อาหารจำพวกถั่ว เป็นต้น
แล้วต้องเลี่ยงอะไรบ้าง
เลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงเป็นหลัก อาหารจำพวกข้าวและแป้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ฯลฯ รวมไปถึงข้าวเจ้าที่เรากินกันอยู่ทุกวันเช่นกัน และผลิตภัณฑ์จากข้าวต่างๆ ทั้งพาสต้า พิซซ่า คุกกี้ ขนมปัง เค้ก ฯลฯ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะอย่าลืมว่าเรากำลังลดคาร์โบไฮเดรตอยู่ นอกจากนี้ ควรเลี่ยงอาหารแปรรูปจำพวกไส้กรอก หมูยอ ลูกชิ้น
นอกจากนี้ สายไดเอทมักคิดว่า การลดน้ำหนักกินน้ำผลไม้แทนก็ได้ แต่ลืมคิดไปว่าผลไม้และน้ำผลไม้มักมีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะน้ำสับปะรด แตงโม กล้วย หรือมะม่วงสุก รวมถึงผลไม้อบแห้ง แช่อิ่ม และดองต่าง ๆ ก็ด้วยนะคะ
แต่คงจะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบไขมันใช่มั้ยค่ะ การกินแบบคีโตเจนิกนั้นอาจเหมาะกับผู้ที่รักการกินไขมันอย่างเอร็ดอร่อยมากกว่าสายคลีน การกินแบบนี้ก็มีข้อควรระวังที่ผู้ต้องการลดน้ำหนักต้องรู้เช่นกัน
ในระยะแรก ๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ เพลีย นอนไม่หลับ ท้องผูก
เพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วที่ไต
ผู้ที่มีภาวะผิดปกติเรื่องตับ ตับอ่อน หรือประวัติโคเลสเตอรอลในเลือด หรือไขมันในเลือดสูงควรระวังและปรึกษาแพทย์
การจำกัดคาร์โบไฮเดรตมากๆอาจทำให้ขาดสารอาหารบางชนิด รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งอาจจะต้องกินเสริม เสริมอาหาร หาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ที่ https://shopee.co.th/shop/74285146/search
การจำกัดอาหารหรือใช้วิธีการลดน้ำหนักแบบเร่งรัด อาจทำให้น้ำหนักที่ลดลงนั้นไม่ยั่งยืน และอาจก่อให้เกิดปัญหาพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ
Keto Diet เหมาะกับคนกลุ่มใด ?
Keto Diet เป็นหลักการกินอาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูระบบเผาผลาญในร่างกาย ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และอาจนำมาใช้ในผู้ป่วยโรคลมชักที่ควบคุมอาการยากได้ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อหรือเพิ่มน้ำหนัก ส่วนผู้ที่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจกินอาหารตามหลักการนี้
จากการที่กล่าวมาข้างต้น อยากให้ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการกินแบบคีโต ควรมีความมั่นใจเสียก่อนว่าร่างกายของคุณสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมกับการกินสายนี้จริง ๆ เพราะข้อดีและข้อเสียนั้นก็มีมากเช่นเดียวกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
healthydee.moph.go.th
pobpad.com
Comments